close

รีวิว Wonderfruit Festival 2022 เทศกาลดนตรีที่ไม่ได้มีแค่เสียงเพลง

Wonderfruit Festival 2022

รีวิว Wonderfruit Festival 2022 เทศกาลดนตรีที่ไม่ได้มีแค่เสียงเพลง

Welcome back, wonderers. It’s time to Live, Love and Wonder!

ต้อนรับการกลับมาของเทศกาลดนตรีที่ไม่ได้มีแค่เสียงเพลง แต่ยังรวม Art, Culture and Nature ไว้ในงานเดียว
เป็นอีกงานที่หลายคนตั้งตารอ กับความยิ่งใหญ่อลังการ Wonderfruit Festival 2022

ภาพงานคอนเสิร์ตส่วนใหญ่ที่น่าจะคุ้นหูคุ้นตา ก็คงจะมีแค่เวทีใหญ่กลางพื้นที่กว้างๆ มีร้านขายของที่ระลึกอยู่ด้านหน้างาน พอคนเข้ามาฟังดนตรีจบก็พากันกลับบ้าน แต่อยากบอกว่าที่ Wonderfruit นี้มีอะไรมากกว่า ไม่ใช่แค่เสียงเพลงที่สร้างความสุข กิจกรรมต่างๆ ผู้คนรอบตัวและบรรยากาศ เป็นการมาคอนเสิร์ตครั้งแรกที่เราพูดได้เลยว่าได้อะไรกลับไปมากกว่าทุกครั้ง

หลายปีผ่านไปกับงานเทศกาลดนตรีที่มีเอกลักษณ์ กลับมาครั้งนี้ Wonderfruit ก็ยังดึงความสนใจจากผู้คนไปได้มากเหมือนเคย ความตื่นตาตื่นใจจากคอสตูมสวยๆที่แต่ละคนแต่งมาแบบจัดเต็ม เป็นเหมือนพื้นที่แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ที่ต้องยอมรับเลยว่าดูแล้วเพลินตามากกกก

และอย่างที่บอกไปคอนเซ็ปต์ของงานนี้ไม่ได้มีแค่ความสนุกแน่นอนฮะ แต่เป็นความสนุกบนพื้นฐานของความยั่งยืนหรือ sustainable จากผู้คนทั่วทุกมุมโลก เชื่อมต่อตัวเราให้กลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ อาหารการกิน การลดการสร้างขยะ

Wonderfruit Festival 2022 ครั้งนี้เป็นการจัดงานครั้งที่ 7 แล้ว จัดที่ The Field at Siam Country Club ในช่วงเดือนธันวาคมซึ่งเป็นช่วงเทศกาลแห่งความสุขพอดี พื้นที่กว้างขวางที่สามารถจุคนนับพัน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเมืองจำลองเมืองนึงเลย งานจัดขึ้นทั้งหมด 4 วัน ใครอยากไปกลับหรืออยากนอนค้างที่พักในงานก็ได้ตามสะดวกเลยฮะ

ในงานจะค่อนข้างเข้มงวดในเรื่องของการลดขยะพลาสติกมากฮะ โดยผู้ร่วมงานจะต้องเตรียมแก้วส่วนตัวหรือภาชนะที่บรรจุเครื่องดื่มไปเอง เพื่อใช้เติมน้ำจากจุดที่บริการ รวมถึงเติมเครื่องดื่มจากร้านค้าและบาร์ภายในงาน ซึ่งเราคิดว่าเป็นไอเดียที่ดีมาก เพราะช่วยลดขยะได้จำนวนมากเลยล่ะฮะ แต่ถ้าใครไม่ได้พกไป ในงานก็มีขายด้วยนะ Wonder Cup เป็นแก้วที่ผลิตจากรำข้าวและกาบมะพร้าว น่ารักจนต้องสอยมาแล้ว1! ส่วนขยะอื่นๆก็ต้องแยกประเภทก่อนทิ้งด้วยฮะ

ในงานจะมีกิจกรรมต่างๆให้ทำเยอะมากกกก ครั้งแรกของเราทั้งทีเลยขอลองไปเก็บบรรยากาศตั้งแต่ช่วงบ่ายๆเย็นๆเลยฮะ ตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงเย็นของแต่ละวันจะมี Scratch Talks ที่ทุกคนสามารถเข้าไปร่วมฟังเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ และพูดคุยต่อยอด แชร์ความคิดเห็นในหัวข้อต่างๆ

กิจกรรม Wellness ที่จัดสลับเปลี่ยนกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น เวิร์คชอปต่างๆที่ไม่ใช่แค่การออกกำลังกาย โยคะ ยังมีการนั่งสมาธิและกิจกรรมอื่นๆเพื่อปรับสมดุลร่างกายและจิตใจจากภายใน

รวมถึงกิจกรรม Workshops จากแบรนด์ต่างๆอีกเยอะมาก ซึ่งเราไปหยุดอยู่ที่ HOUSE OF LA DOLCE VITA เป็นบ้านหลังนึงของทาง VESPA ฮะ

‘LA DOLCE VITA’ คือศิลปะการใช้ชีวิตในแบบชาวอิตาเลียน ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษให้เข้าใจง่ายๆคือ The Sweet Life การดื่มด่ำความสุขแบบค่อยเป็นค่อยไป ใช้ชีวิตแบบที่อยากใช้ ไม่ต้องรีบร้อน ซึ่งเราว่ามันตรงคอนเซ็ปมากฮะ เพราะตั้งแต่เราเข้ามานั่งพักและนั่งทำกิจกรรมไป เวลาก็ผ่านไปไวมากเลยล่ะ อิอิ

กิจกรรมในบ้านหลังนี้จะมี

✅DIY BRACELET ข้อมือแฮนด์เมดน่ารักๆ ที่เราสามารถทำเองได้ตามใจชอบ โดยเลือกลวดลายแผ่นไม้มาระบายสีและร้อยเรียง เป็นสร้อยข้อมือชิ้นเดียวในโลกที่ไม่เหมือนใคร เป็นของที่ระลึกติดไม่ติดมือกลับบ้าน

✅DIY ROCKING VESPA โมเดลรูปเวสป้าจากฝีมือตัวเอง เพราะต้องเริ่มตั้งแต่การประกอบตัวโมเดลให้เป็นรูปเวสป้าคันจิ๋ว แล้วตามด้วยการระบายสีตามจินตนาการเลย สามารถนำผลงานที่ทำเสร็จแล้วกลับบ้านได้เหมือนกันนะ

✅THE OUTDOOR CINEMA ตกเย็นหน่อยก็จะมีฉายหนัง VESPA DOCUMENTARY ตามรอยเวสป้าที่เกี่ยวเชื่อมโยงผู้คนจากทั่วทุกมุมเข้าด้วยกัน นั่งเอนหลังไปดูจอไปแบบสบายๆ

เอาจริงๆก็ไม่ได้เป็นคนมีฝีมือทางด้านศิลปะซักเท่าไหร่ การจับคู่สีใดๆก็ทำไปแบบเขินๆ แต่พอมาดูผลงานก็น่ารักไปอีกแบบนะ แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต่อไม่ได้หรือร้อยเชือกไม่เป็น เพราะมีพี่ๆผู้ช่วยคอยเตรียมอุปกรณ์และแนะนำอยู่

และในส่วนของการแสดงดนตรีที่เป็นความบันเทิงหลักในงานนี้ มีหลากหลายเวทีและแนวเพลงมากกกก ตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงดึก แต่ละเวทีก็จะมีคิวการแสดงจากศิลปินมาจากทั่วโลก สลับเปลี่ยนกันขึ้นมาสร้างความสนุก จัดเต็มทั้งแสงสีเสียง ใครชอบเพลงแนวไหนหรือมีศิลปินในดวงใจ ก็เลือกตามไปปล่อยจอยปล่อยใจได้เลยยย

ในเรื่องของอาหารและเครื่องดื่มก็ไม่ต้องกลัวอดเลย ร้านอาหารมีให้เลือกเยอะมาก ทั้งไทยและเทศ คาวหวาน รวมถึงเมนูวีแกนหรือเพื่อสุขภาพใดๆมีครบหมด

และที่งานจะเป็นแบบ Cashless ด้วยนะฮะ หลังจากที่ลงทะเบียนเข้างานแล้ว คนที่มางานจะได้ RFID Wristban ที่สามารถใช้แทนเงินสดได้เลย โดยเราก็แค่เติมเงินตรงจุดบริการ เวลาซื้ออาหาร เครื่องดื่ม หรือสินค้าต่างๆก็แค่ยื่นริสแบนด์ไปให้พนักงานสแกนแตะอ่านข้อมูล แค่นั้นคือจบเลย สะดวกมาก จะ drink หรือจะ dance ก็ไม่ต้องกังวลว่ากระเป๋าเงินจะหายเลย ถ้าใช้ไม่หมดสามารถแลกคืนได้ด้วยฮะ

สำหรับเรางาน Wonderfruit ก็คืองาน festival ที่แท้ทรู ไม่ได้มีแต่ความบันเทิงสนุกสนานจากเสียงเพลง แต่เป็นงานรื่นเริงที่รวมคนมากกว่าร้อยประเทศด้วยศิลปะและวัฒนธรรม ไม่ว่าจะมากับกลุ่มเพื่อน คู่รัก หรือครอบครัว การได้มาใช้ชีวิตร่วมกันในช่วงเวลาสั้นๆ บางคนอาจจะไปแค่วันเดียว บางคนอาจอยู่ครบ 4 วันแบบเต็มอิ่ม เราเชื่อว่าทุกคนที่มาจะได้เอนจอยกับตัวเอง เพื่อนๆที่มาร่วมงาน บรรยากาศ อาหาร โชว์และเวิร์คช้อปต่างๆ ซึ่งพูดได้ว่าเป็นงานเดียวในไทยที่ไม่มีใครเหมือน

ภาพที่เห็นทุกคนยิ้มแย้ม แต่งตัวจัดเต็มแบบไม่มีใครยอมใคร ในบรรยากาศที่ล้อมรอบไปด้วยงานศิลปะ การออกแบบและตกแต่งสถานที่และเวทีต่างๆ ที่มันทั้งเท่และกลมกล่อมไปกับธรรมชาติ พร้อมกับแนวคิดที่เน้นถึงความหมายและความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

การกลับมาของ Wonderfruit Festival ครั้งนี้ หลังจากห่างหายไป 2 ปีเต็มๆ เราเชื่อว่าคุ้มค่ากับการรอคอยของใครหลายๆคนเลยใช่มั้ยฮะ หวังว่าจะได้พบกันใหม่ปีหน้าๆๆๆ ใครที่เคยไปแล้วก็คงจะกลับไปอีก ส่วนใครที่ยังไม่เคยไป แนะนำว่าไม่ควรพลาดฮะ See youuuuuu!


หากใครกำลังหาแพลนเที่ยว ที่กิน ที่พัก ทริปเดินทาง และยังไม่รู้จะไปไหน สามารถติดตามทริปท่องเที่ยวอื่นๆ จาก 247Journey เพิ่มเติมได้ทุกช่องทางเลยนะฮะ Website: https://247journey.in.th Facebook: https://www.facebook.com/247journeyyInstagram: https://www.instagram.com/247JourneyyTwitter: https://twitter.com/247journey

Tags : WonderfruitWonderfruit Festival 2022พัทยารีวิวศิลปะสถานที่จัดเทศกาลดนตรี
to3ychonpi

The author to3ychonpi

error: Content is protected !!