เช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่น แบบง่ายๆ ด้วยรถกล่องสุดฮิต น่ารัก ขับง่าย ไม่เปลืองน้ำมัน
วันนี้เป็น Special Content สุดพิเศษ ที่อยากจะมาแนะนำวิธี เช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่น ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ เผื่อเป็นไอเดียและเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆที่มีแพลนอยากจะขับรถเที่ยวเองด้วยฮะ
จากทริปญี่ปุ่นที่ผ่านมา เรามีแพลนไปเที่ยวคาวากุจิโกะ อยากจะไปตามล่าหาฟูจิซัง เลยคิดว่าถ้าฟูจิซังขี้อายช่วงนั้นพอดีล่ะ จะนั่งบัสตามทันไหม หรือจะต้องนั่งรอนานแค่ไหน กว่าเมฆจะหายไป หมดเวลาเที่ยวกันพอดี!! ไอเดียการเช่ารถขับเลยเกิดขึ้นทันใดฮะ ก็เลยเริ่มหาข้อมูลและจะขอสรุปมาให้ทุกคนกันตามนี้
เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่จะขาดไม่ได้หากคิดจะเช่ารถขับเอง นั่นก็คือ ใบขับขี่สากล ฮะ ซึ่งก็ไปทำที่ไหนไม่ได้นอกจากประเทศเราเอง ย้ำ! ใบขับขี่สากลต้องทำที่ประเทศไทยเท่านั้น ไม่ใช่ว่าไปถึงญี่ปุ่นแล้วไปทำ ไม่สามารถรับรถได้นะฮะ
วิธีการทำใบขับขี่สากล ก็ง่ายนิดเดียว แค่เตรียมเอกสารไปยื่นที่สำนักงานขนส่งให้พร้อม ใช้เวลาออกเอกสารไม่นาน รอรับได้ทันที รายละเอียดตามนี้ คลิกอ่านได้เลย >> วิธีการทำใบขับขี่ระหว่างประเทศ
ทริปนี้เพื่อให้ภารกิจการเดินทางของเราไม่ติดขัด ไหนจะต้องหาพิกัดการเดินทาง ระหว่างทางเปิด Playlist โปรดเพิ่มฟิลการเดินทาง บวกกับเช็คบรรยากาศสดๆของบรรยากาศริมทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิซัง ผ่าน Mt.Fuji LiveCam จำเป็นต้องใช้เน็ตตลอดเวลาเลย ทริปนี้เราใช้บริการเช่า Pocket Wifi ไปเที่ยวญี่ปุ่น กับ Smile Wifi โหลดเร็ว ไม่มีสะดุด ที่ชอบสุดคือมีเคาน์เตอร์บริการ 24 ชั่วโมงที่สนามบิน สะดวกสบายมากกกก!
การจองรถ
สำหรับทริปนี้เราจองรถ เช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่น ผ่านเว็บไซต์เช่ารถเจ้าประจำ Rentconnected เวลาจะเช่ารถเที่ยวไหนทีไร ก็จองผ่านที่นี่ตลอดฮะ ข้อดีคือเค้ารวม Partner รถเช่าหลายเจ้า มาไว้ที่เดียว เหมือนเปรียบเทียบราคาไปในตัว แถมมีโปรโมชั่นพิเศษ ส่วนลดแบบจุกๆ และที่สำคัญไม่ต้องกังวลเรื่องคุณภาพ เพราะเค้าคัดมาแล้ว!
วิธีการก็ง่ายๆไม่ยากเลย เริ่มจากเลือกจุดรับรถ ทริปนี้เราขับจากโตเกียวไปคาวากุจิโกะ เราเลือกรับรถจากสถานี Ueno ฮะ (ใครสะดวกรับที่สนามบินก็ได้ฮะ แต่พอดีเราอยากเที่ยวในโตเกียวก่อนเลยเลือกเดินทางไปนอกเมืองวันหลังๆ) และเลือกจุดคืนรถ พร้อมระบุวันที่และเวลา สำหรับรูปแบบรถก็มีให้เลือกตามความเหมาะสมเลยฮะ ตั้งแต่รถเก๋งไซส์มินิ ไปจนถึงรถตู้ที่นั่งได้ประมาณ 8 คน ข้อดีคือที่หน้าเว็บก็จะมีไอคอนสุดกุ๊กกิ๊กแนะนำด้วยฮะ ว่ารถแต่ละรุ่น แต่ละขนาด สามารถรองรับได้ประมาณกี่คน กระเป๋าประมาณกี่ใบ ส่วนใหญ่เป็นเกียร์ออโต้ทั้งหมด
เราไปกันสองคนฮะ และอยากจะเซฟงบด้วย เลยพยายามดูรถไซส์เล็กหน่อย ก็จะมีเจ้ารถกล่องสุดน่ารักที่ขึ้นอยู่ต้นๆเลย รู้สึกสปาร์คจอยกันตั้งแต่แรกเจอ 555555 แม้ในใจจะแอบหวั่นหน่อยๆว่าเครื่อง 600 cc เองนะ จะขับไปไหวใช่ไหมเนี่ย แต่เท่าที่ดูก็คิดว่าไม่น่าเป็นปัญหาฮะ ไปกันสองคนเอง สบาย! ราคาตกอยู่วันละประมาณ 2,400 บาท (บางช่วงก็มีราคาที่ถูกกว่านี้นะ ลองเข้ามาเช็คกันดู) เราเช่าแค่ 2 วันฮะ ดูราคานี้เหมือนจะแพง แต่บอกตามตรงว่าคุ้มนะ
ฟรี!
- เครื่องนำทาง GPS ภาษาอังกฤษ
- อุปกรณ์ ETC Card
- ไม่จำกัดจำนวน กิโลเมตร
- ประกันที่ ไม่มี ค่าเสียหายส่วนแรก
- ประกันการโจรกรรม
- ประกันภัยบุคคลที่ 3
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน
สำหรับการจ่ายเงินสามารถทำจ่ายผ่านบัตรเดบิต หรือ บัตรเครดิตได้เลย ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม สะดวกสุดๆ ซึ่งหลังจากทำการจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย ก็จะได้รับ E-mail ยืนยันจากทาง Rentconnected ส่งกลับมาฮะ ก็จะเป็น Booking Confirm และข้อมูลจำเป็นสำหรับการรับรถ บอกเป็นภาษาไทยเป็นข้อๆเลย และมีเบอร์หรือช่องทางให้ติดต่อในกรณีฉุกเฉินให้ด้วย
การรับรถ
สำหรับการรับรถที่ญี่ปุ่น ทริปนี้เราได้รถของ Nippon Rent A Car ซึ่งเป็น รถเช่า ชื่อดังที่นั่นอยู่แล้ว เอกสารที่ต้องเตรียมไปก็คือ
- ใบจองที่มีหมายเลขการจอง (ให้ยึด Ref No. ในใบจองเลยฮะ ไม่ใช่ Booking No. ของ Rentconnected แล้วนะฮะ)
- หนังสือเดินทาง (Passpost) ของผู้ขับรถ
- ใบขับขี่สากล (International Driving Permit) ของผู้ขับรถ
สถานที่ที่เราเลือกรับรถและคืนรถก็คือ Ueno Station สำหรับพิกัด ทาง Rentconnected ก็ได้ส่งข้อมูลมาให้ใน E-mail เลย ละเอียดแบบไม่ต้องกลัวหลง
Nippon rent a car Ueno >> https://goo.gl/maps/Pw6YYQosaQiRcVk38
Address : 4-26-8 Higashi-ueno, Taito-ku, Tokyo Phone No. : 03-3845-1671
Notice : JR Ueno station Iriya Exit, cross the Showa-dori from the right front alley, 5 minutes walk along the street.
ก็เข้าไปติดต่อรับรถตามเวลานัดหมายเลยฮะ ก็จะมีเอกสารให้เซ็นต์และก็จะมีคู่มือการขับรถ ทั้งเรื่องของสัญญาณจราจร ความเร็ว การเติมน้ำมัน เบอร์ฉุกเฉิน และรายละเอียดอื่นๆ เป็นคู่มือภาษาไทยด้วยนะฮะ เพื่อความเข้าใจที่ไม่คลาดเคลื่อน ดีมากๆเลย
พอทำเรื่องเอกสารเรียบร้อยก็เป็นขั้นตอนของการตรวจรับรถ ในขั้นตอนนี้ก็สำคัญเหมือนกันนะ ถ้าเจอรอยตรงไหน หรือเจอความผิดปกติอะไรก็สามารถแจ้งทางเจ้าหน้าที่ได้เลย ให้เค้า remark ไว้ตามภาพเลยว่าก่อนรับรถ รอยนี้มันมีมาอยู่แล้วนะ ไม่ได้มาจากเราเน้อ
สำหรับรถญี่ปุ่นก็ขับฝั่งเดียวกับไทยเลยฮะ ขับง่ายแถมมี GPS บอกแบบละเอียดยิบ ดีมากๆ พิกัดเค้าเป๊ะเว่อร์จริงๆ ช่วงแรกๆไม่ชินเราเลยเปิด Google Maps ช่วย พอไปสักพักเริ่มปรับตัวได้ ก็เลยบอกลาพี่กูเกิ้ลไปเลย ฮ่าๆ
สาเหตุที่แนะนำให้ใช้ GPS ก็เพราะว่า บางจุดที่เราลงอุโมงค์ไป สัญญาณจับไม่ได้ Y_Y แล้วตอนนั้นเป็นจังหวะของการหาทางออกว่าจะวิ่งไปเส้นไหน ถ้าไม่ได้ GPS ช่วย น่าจะหลงอยู่นานไม่ได้ออกนอกเมืองซักที
วิธีการใช้ GPS
การใช้ GPS ในการนำทาง ต้องบอกว่าระบบ GPS ค่อนข้างมีความแม่นยำมากๆเลยล่ะฮะ พิกัดค่อนข้างเป๊ะ แรกเริ่มแนะนำให้ตั้งค่าเป็นภาษาอังกฤษก่อนเพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้น
สำหรับการกรอกข้อมูลจุดหมายปลายทาง มันมีให้เลือกทั้งพิมพ์จุดหมาย / เบอร์โทรศัพท์ / MapCode ซึ่งจากที่เราใช้งานมา สะดวกสุดจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ และ Mapcode ฮะ กรอกลงไปปุ๊ป กด OK ก็จะโชว์เส้นทางมาแบบเป๊ะๆเลย
ส่วน Mapcode จะใช้ในโลเคชั่นที่ Search จากเบอร์โทรศัพท์ไม่เจอ เช่นตามจุดชมวิว ห่รือชื่อทะเลสาบอะไรงี๊ ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ก็จะได้ Mapcode ช่วยชีวิตไว้ฮะ อ่านวิธีการค้นหา Mapcode ได้จากนี่เลย >> คลิกอ่านที่นี่
เพียงเท่านี้ก็สนุกไปกับการเที่ยวญี่ปุ่นไปอีกแบบ ที่อยากย้ำกันเลยคือเวลาไปเที่ยวต่างบ้านเมือง มันก็เหมือนไปเรียนรู้วัฒนธรรม เรียนรู้กฎของเมืองเค้าอ่ะเนอะ ญี่ปุ่นค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องของกฎจราจร ขับขี่กันอย่างระมัดระวัง และจำกัดความเร็ว เจอทางข้ามม้าลายหยุดให้คนข้ามก่อนเสมอ
เพียงเท่านี้ก็สนุกไปกับการขับรถเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว เส้นทางก็ขับง่าย ไม่ยากเลยฮะ มาครั้งแรกแบบเราก็ขับได้ 🙂 ที่สำคัญอยากจะแวะตรงไหนก็ไปได้ง่ายๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องรอบรถบัส ยิ่งถ้าใครมีแพลนอยากจะตามล่าฟูจิซังแบบเรา แนะนำเช่ารถขับเที่ยวเองง่ายๆไม่ยากอย่างที่คิดแน่นอน!
และหากใครกำลังหาแพลนเที่ยวอยู่ ยังไม่รู้จะไปไหน สามารถติดตามทริปท่องเที่ยวอื่นๆของเราได้ทาง >> https://247journey.in.th เลยฮะ
