เที่ยว โครเอเชีย (Croatia) กระเป๋าตังค์ไม่เพลีย ถ้าปักหมุดไปเที่ยวตามนี้
โครเอเชีย หนึ่งประเทศชื่อคุ้นหู แต่อาจจะห่างไกลจากจินตนาการว่าหน้าตาภูมิประเทศของประเทศนี้เป็นอย่างไร ซึ่งต้องบอกเลยว่าคงพลาดมากๆ ถ้านักท่องเที่ยวคนไหนยังไม่ได้ไปสัมผัสกับที่โครเอเชีย เพราะเมืองอัญมณีแห่งทะเลอะเดรียติกแห่งนี้เป็นหนึ่งในประเทศแถบยุโรปที่สวยงามจนถ้าได้ไปเยือนสักครั้งจะต้องหลงรักมนต์เสน่ห์ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวของโครเอเชียอย่างง่ายดาย ไม่แพ้เมืองอื่นๆในแถบยุโรปเช่นกันฮะ ว่าแต่ไปเที่ยวโครเอเชียจะไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง ตาม “ทัวร์ครับ” เว็บไซต์ที่รวบรวมทัวร์ที่ดีที่สุดไว้มากที่สุด รวบรวมที่เที่ยวโครเอเชียมาให้แล้ว รับรองว่าไปเที่ยวตามนี้กระเป๋าตังค์ไม่เพลียแน่นอน!
สำหรับนักเที่ยวสายชิลล์ที่อยากเที่ยวโครเอเชียแบบสบายๆ ไปโครเอเชียแบบไม่มีเพลีย ไม่ต้องทำแพลนให้ยุ่งยาก ทั้งเรื่องวีซ่าเชงเก้นและการเดินทาง สามารถไปจองทัวร์โครเอเชียกับ “ทัวร์ครับ” (Tourkrub) จองทัวร์ครบจบที่ทัวร์ครับ กันเลยฮะ
จองทัวร์โครเอเชีย กับ ทัวร์ครับ
1.เมืองเก่าดูบรอฟนิค (Dubrovnik Old Town)
Dubrovnik Old Town เมืองเก่าริมทะเลทรงเสน่ห์ทางตอนใต้ของ โครเอเชีย อันเป็นไข่มุกแห่งทะเลอเดรียติก (Adriatic Sea) กับทัศนียภาพคุ้นตาของเมืองและบรรยากาศรอบๆ เมืองที่สวยงามอลังการจนถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำซีรี่ยส์เรื่อง Game of Thrones อันโด่งดัง ที่ต้องบอกว่าจากฉากของ King’s Landing ในซีรี่ยส์ดัง ทำให้ตอนนี้เมืองดูบรอฟนิคได้กลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญแห่งหนึ่งของการเที่ยวโครเอเชียไปแล้ว ด้วยเมืองเก่าที่สร้างจากหินหลังคาสีส้มอิฐ ในบรรยากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน บนมุมสูงของภูเขาที่โอบล้อมด้วยน้ำทะเลสีฟ้าใสของทะเลอาเดรียติก กับความสวยงามโดดเด่นจนได้รับการยกให้เป็นเมืองมรดกโลกจากยูเนสโกในปี ค.ศ.1979 เลยทีเดียว
พิกัด : Dubrovnik
2. เมืองเก่า Korcula
Korcula อีกหนึ่งเมืองเก่าแก่ของโครเอเชีย เมืองประวัติศาสตร์ที่มีสถาปัตยกรรมยุคกลางอันทรงเสน่ห์ แม้จะเป็นเพียงเกาะเล็กๆ ที่มีผู้คนอาศัยอยู่เพียงราวๆ 3,000 คน แต่ก็ทำให้เมืองเล็กๆ น่ารักแห่งนี้น่าสนใจ ด้วยความเก่าแก่สุดคลาสสิคที่ลงตัวท่ามกลางบรรยากาศของท้องทะเลสวยๆ ที่เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างมีสไตล์ท่ามกลางธรรมชาติ และบรรยากาศที่เงียบสงบในวันสบายๆ เป็นที่สุด
พิกัด : Korcula
3. เมืองโรวินจ์ (Rovinj)
เมืองโรวินจ์ (Rovinj) เมืองท่าโบราณและเป็นเมืองตากอากาศชื่อดังของ โครเอเชีย ที่ได้ชื่อว่าเป็ฯหนึ่งในเมืองที่งดงามที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนีย เป็นเครื่องรับประกันความสวยงามของเมืองแห่งนี้ ด้วยศิลปวัฒนธรรมที่อัดแน่น ผ่านเรื่องราวต่างๆ ของเมืองที่ถูกสะสมมาอย่างยาวนาน และยังคงยึดมั่นในวิถีชาวประมงโครเอเชียแบบดั้งเดิม ที่ช่วยเสริมมนต์เสน่ห์ของเมืองแห่งนี้ให้ยิ่งน่าหลงใหลเพิ่มขึ้นไปอีก
พิกัด : Rovinj
4. เมืองสปลิท (Split)
เมืองสปลิท (Split) เมืองชายทะเลเก่าแก่ที่ใหญ่ที่สุดในทะเลอเดรียติก มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคกรีก มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 2,500 ปี จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโครเคเชีย ที่สวยงามทรงคุณค่าจนต้องห้ามพลาดเมืองนี้อย่างเด็ดขาด และยังเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของโครเอเชีย อย่าง พระราชวังไดโอคลีเชียน (Diocletian’s Palace) แห่งจักรวรรณดิโรมันอีกด้วย
พิกัด : Split
5. เมืองโทรเกียร์ (Trogir)
อีกหนึ่งเมืองประวัติศาสตร์ของโครเอเชีย เมืองโบราณตั้งแต่สมัยกรักที่ตั้งอยู่ทางชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ มีเอกลักษณ์ด้วยลักษณะพิเศษอันโดดเด่นของบ้านเมืองแบบ้านเรือนเก่าแก่สไตล์กรีก – โรมัน ที่สร้างด้วยอิฐมีหลังคาสีส้มเหมือนกันทั้งเมือง ตัดกับสีฟ้าใสของน้ำทะเล ริมฝั่งท้องทะเลเอเดรียติกกว้างรอบๆ ตัวเมือง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 เช่นเดียวกันกับแหล่งท่องเที่ยวอันเป็นมรดกโลกอีกหลายแห่งของโครเอเชีย
พิกัด : Trogir
6.พระราชวังไดโอคลีเชียน (Diocletian’s Palace) เมืองสปลิท (Split)
พระราชวังเก่าแก่อายุนับพันปีที่ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิไดโอคลีเชียน ในช่วงราวๆ ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 4 กับความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมสไตล์โรมันดั้งเดิม ในตากอากาศเมืองริมทะเลอย่างเมืองสปลิท ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1979 กับอาคารูปทรงสีเหลี่ยผืนผ้าที่สร้างจากหิน ขนาดใหญ่กินพื้นที่กว่า 30,000 ตารางเมตร มีทาว์เวอร์ 4 มุม ซุ้มประตูทางเข้าออกแบบโรมันทั้ง 4 ด้าน อันเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมโรมันเก่าแก่สุดคลาสสิค
พิกัด : Diocletian’s Palace
7.มหาวิหารเซนต์เจมส์ (Cathedral of St. James) เมืองซิบีนิค (Sibenik)
อาสนวิหารขนาดใหญ่เก่าแก่ อายุราว 500 ปีที่สร้างด้วยหินตามแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างโกธิคและเรเนซองส์ในเมืองซิบีนิค (Sibenik) ใช้ระยะเวลาในการสร้างนับร้อยปี ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 1431 – 1535 อันทรงคุณค่าและสวยงาม โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของโดมขนาดใหญ่ของวิหาร และรายละเอียดการตกแต่งภายนอกภายในอย่างละเอียดพิถีพิถัน และวิจิตรบรรจง จากหินอ่อนอันมีชื่อเสียงของโครเอเชียจากเกาะ Brac เข้ากับเทคนิคการประสานหินอ่อนเข้าด้วยกับแบบการต่อเลโก้ที่ทำให้มองแทบไม่เห็นรอยต่อ จนสถานที่แห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกต่อมาในปี ค.ศ. 2000
พิกัด : Cathedral of St. James
8. โบสถ์อนาสตาเชีย (The Cathedral of St. Anastasia) เมืองซาดาร์ (Zadar)
โบสถ์โรมันคาทอลิกเก่าแก่ยุคโรมาเนสก์ ถูกสร้างขึ้นในราวๆ สมัยศตวรรษที่ 5-6 ในสไตล์สถาปัตยกรรมเวนิส นับป็นโบสถ์ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคดัลเมเชี่ยน โบสถ์ประจำเมืองซาดาร์ (Zadar) ของโครเอเชีย เมืองประวัติศาสตร์ซึ่งมีอายุยาวนานกว่า 3,000 ปี ซึ่งเป็นอดีตเมืองหลวงเก่าของภูมิภาคดัลเมเชีย (Dalmatia) ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต แม้ตัวโบสถ์จะเคยได้รับความเสียหายจากสงครามศาสนาในปี ค.ศ. 1202 แต่ต่อมาก็ได้รับการบูรณะใหม่ให้ยังคงกลับความสวยงามอยู่จนถึงปัจจุบัน
พิกัด : The Cathedral of St. Anastasia
9. สนามกีฬากลางแจ้งพูลา อารีนา (Pula Arena) เมืองพูล่า (Pula)
อารีน่า (Arena) หรือ Amphitheater สนามกีฬากลางแจ้งสมัยโบราณของชาวโรมัน หรือที่เรารู้จักกันดีในนามโคลอสเซียม ไม่ได้มีแต่เฉพาะในอิตาลีเท่านั้นนะ เพราะที่โครเอเชียก็มีโคลอสเซียมเช่นกัน ที่ สนามกีฬากลางแจ้งพูลา อารีนา (Pula Arena) สนามกีฤษกลางแจ้งขนาดใหญ่รูปทรงวงรีก่อสร้างด้วยหินและทรายซึ่งตั้งอยู่ในเมืองพูล่า (Pula) ของโครเอเชีย สถาปัตยกรรมโรมันที่ยิ่งใหญ่ เก่าแก่ของโรเอเชีย และยังนับได้ว่าเป็นหนึ่งในโคลอสเซียมที่สมบูรณ์ที่สุดในโลกอีกด้วย
พิกัด : Pula Arena
10. อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ (Plitvice National Park)
อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ (Plitvice National Park) เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในโครเอเชียได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1979 มีพื้นที่กว่า 295 ตารางกิโลเมตร อันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ ผืนป่าสีเขียวชอุ่ม น้ำตกขนาดใหญ่หลายจุด และทะเลสาบสีเขียวมรกตสุดอลังการ ซึ่งมีไฮไลท์อยู่ที่สะพานไม้ที่ทอดตัวยาวเลาะข้างเคียงไปกับน้ำตกขนาดใหญ่กลางทะเลสาบสีเขียวมรกต อันเป็นบรรยากาศสุด Unseen ที่หาชมและสัมผัสใกล้ชิดความงดงามของธรรมชาติแบบอย่างนี้ได้ยากมากถ้าไม่ใช่ที่อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ (Plitvice National Park) หนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดของโลกที่โครเอเชียแห่งนี้
พิกัด : Plitvice National Park
11. อุทยานแห่งชาติ Kornati National Park
พื้นที่หมู่เกาะอันเป็นสวรรค์ของโครเอเชีย ซึ่งประกอบด้วยเกาะเล็ก ๆ กระจัดกระจายอยู่มากกว่า 80 แห่งอันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ห้อมล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าใสกว้างสุดสายตาแบบพาโนราม่า 360 องศา รายล้อมด้วยหาดทรายสวยสีขาวเนียน ตัดกับโขดหินและหน้าผาสีเหลืองอ่อน ๆ สดใส ที่ทำให้อุทยานแห่งชาติ Kornati National Park แห่งนี้กลายเป็นอุทยานที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในการทัวร์โครเอเชีย โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักสายลม แสงแดด เสียงคลื่น และท้องทะเล ที่นี่คือสวรรค์ที่แท้ทรูเลยทีเดียว
พิกัด : Kornati National Park
12.อุทยานแห่งชาติ Mljet National Park
อุทยานแห่งชาติ Mljet National Park พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของโครเอเชีย บนอุทยานเก่าแก่ซึ่งตั้งอยู่บริเวณฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ ผืนป่า และสัตว์ป่านานชนิด ท่ามกลางท้องทะเลเมดิเตเรเนียนสีเทอร์ควอยซ์ ในบรรยากาศสุดโรแมนติกของธรรมชาติ ทั้งยังมีกิจกรรมให้เลือกทำหลากหลายไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าชื่นชมธรรมชาติสำหรับนักเที่ยวสายกรีน หรือจะเลือกทำกิจกรรมทางน้ำ อาทิ พายเรือคายัค ว่ายน้ำ ก็ดีงามไม่แพ้กัน
พิกัด : Mljet National Park
ปักหมุดที่เที่ยวดินแดนพระจันทร์เสี้ยวเมืองอัญมณีแห่งทะเลอะเดรียติกอย่างโครเอเชียกันไปครบแล้ว บอกเลยว่าไปเที่ยวโครเอเชียแล้วปักหมุดที่เที่ยวตามนี้ กระเป๋าตังค์ไม่มีเพลียแน่นอน แถมยังได้เช็คอินที่เที่ยวโครเอเชียกันแบบครบๆ ทุกแนวเลยด้วยล่ะ
:: Contact Us ::
Facebook : https://goo.gl/HWYK38
Instagram : https://goo.gl/pXjtHZ
Twitter : https://goo.gl/6AULbo
และสามารถติดตามทริปท่องเที่ยวอื่นๆของเราได้ทาง >> https://247journey.in.th