Journey

15 จุดถ่ายรูปซากุระบานยอดฮิต วันหยุดนี้ไปตามล่าหาซากุระกันเถอะ!

15 จุดถ่ายรูปซากุระบานยอดฮิต วันหยุดนี้ไปตามล่าหาซากุระกันเถอะ!

ช่วงนี้…ฤดูไม้ผลิกลับมาเยือนอีกแล้วนะฮะ และทั้งญี่ปุ่นกำลังถูกย้อมสีให้กลายเป็นสีชมพู ด้วยดอกไม้เล็กๆ กลีบบาง กิ่งก้านอ่อนช้อย ใช่แล้วฮะ เรากำลังพูดถึง ‘ซากุระ’ นั่นเองงง!

ทริปท่องญี่ปุ่นชมซากุระบานเป็นโปรแกรมในฝันของใครหลายคนแน่นอนนฮะ และบอกเลยว่าอย่ารอช้า ถ้าอยากไปต้องได้ไป 5555 เพราะเดี๋ยวซากุระโรยเสียก่อนจะเสียใจ รอไปอีกทีปีหน้าโน่นนน เราเลยรวบรวมข้อมูลเด็ดๆเผื่อเป็นไอเดียให้ใครที่กำลังตัดสินใจเอาไว้ เช็กตารางพยากรณ์ซากุระ 2019 และจองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นกับ Traveloka (ทางไปจอง >> https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-japan) ด้วยวิธีการง่ายๆ จองปุ๊ปบินปั๊บและไม่ต้องกลัวแพง เพราะมีตัวช่วยหาตั๋วเครื่องบินให้เราได้ไปชมซากุระกันในราคาที่คุ้มค่าที่สุด!! ถ้าเตรียมวันลาพร้อม จองตั๋วเครื่องบินพร้อมแล้วก็เตรียมตัวให้ดี ไปตะลอนเก็บรูปสวยๆ มาอวดเพื่อนๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึกถึงทริปอันแสนโรแมนติก 15 จุด แชะรูปต่อไปนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเดินทางได้ง่ายขึ้นแน่นอนน 🙂

1. ปราสาทนาคิจิน (Nakijin Castle)

“ปราสาทนาคิจิน” สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของพระราชาแห่งโฮคุซัน ผู้ปกครองดินแดนทางตอนเหนือของเกาะโอกินาวาเมื่อสมัยศตวรรษที่ 14 ก่อนเกิดอาณาจักรริวกิว ต่อมากลายเป็นปูชนียสถาน เพื่อประกอบพิธีสักการะเทพเจ้า “คุโบว อุตาคิ” ที่รู้จักกันในนาม “ปราสาทของเทพเจ้า” สร้างบนเนินเขาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 90-100 เมตร ด้วยแผนผังที่มีรูปเหมือนหัวมังกร และกำแพงหินที่มีความสูง 3 – 8 เมตร ทอดตัวต่อเนื่องเป็นระยะทาง 1.5 กิโลเมตร คดเคี้ยวไปตามสันเขา ดูไปดูมาก็คล้ายกับมังกรเลยฮะ

และเพราะเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นก่อนสมัยอาณาจักรริวกิว บวกกับเคยเป็นเมืองหลวงของโฮคุซัน จึงเป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดากุสุกุ หรือปราสาทที่ถูกจัดให้เป็นมรดกโลกของโอกินาวา และมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ต่างออกไปการก่อหินของที่นี่จะมีลักษณะใช้หินก่อตามรูปทรงธรรมชาติ ต่างกับลักษณะการก่อหินในช่วงหลังที่จะตัดหินก่อกำแพงอย่างเป็นระเบียบ ที่โอกินาวา ซากุระบานเป็นแห่งแรกในญี่ปุ่น กลางเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ คือช่วงที่เหมาะที่สุดแก่การชมอุโมงค์ดอกไม้ ที่เต็มไปด้วยต้นคันฮิซากุระ หรือซากุระพันธุ์ไต้หวันกลีบดอกมีสีชมพูเข้ม ต่างจากพันธุ์โซเมอิโยชิโนะที่พบเห็นได้ทั่วไปในญี่ปุ่น อ้อ! มีการเปิดไฟไลท์อัพให้ผู้มาเยือนได้ชมอุโมงค์ซากุระในยามค่ำคืนอีกด้วยนะฮะ

2. สะพานคินไต (Kintai Bridge)

“สะพานคินไต” สะพานไม้ห้าโค้งที่ติดอันดับ 1 ใน 3 สะพานไม้ประวัติศาสตร์ที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นแล้วด้วยฮะ และที่นี่ยังขึ้นชื่อในเรื่องทิวทัศน์ของดอกซากุระมากกก ที่สำคัญยังได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน “สถานที่ชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียง 100 แห่งของประเทศญี่ปุ่น” อีกด้วย! สะพานคินไต ตั้งอยู่ในเมืองอิวาคุนิ จังหวัดยามากุจิ สร้างโดย “คิคคาวะ ฮิโรโยชิ” เจ้าเมืองแห่งแคว้นคิคคาวะ รุ่นที่3 ในยุคเอ็นโป ปี 1673 เป็นสะพานที่มีความยาวถึง 193.3 เมตร แต่ละโค้งกว้าง 5 เมตร และวงโค้งสูงสุดจากแม่น้ำประมาณ 12 เมตร ข้ามผ่านแม่น้ำนิชิกิ และพุ่งตรงไปยังปราสาทอิวาคูนิ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาโยโกยาม่า ซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ

ปัจจุบันบริเวณนี้เป็นสวนสาธารณะคิกโค สะพานแห่งนี้ยังมีความโดดเด่นอีกหนึ่งอย่างคือ ตัวสะพานนี้ใช้วิธีแบบดั้งเดิมสร้างจากภูมิปัญญาช่างไม้ญี่ปุ่นผู้มีฝีมือ ไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว   สะพานถูกดัดให้โค้งด้วย “Makikin” หรือสายรัดเหล็ก มีการใช้เทคนิคการประกอบไม้ที่ตรงปลายใช้ตะปู 2 อันในการยึดติดกันเรียกว่า “คะซุไง” คือตะปูปลายแหลม 2 ด้านรูปตัวยู สำหรับตอกเชื่อมไม้สองชั้น เป็นเทคนิคการประกอบไม้ระดับสูง สะพานนี้เมื่อได้รับแรงกดทับจากด้านบนมากเท่าใดก็จะยิ่งทำให้สะพานมีความแข็งแรงมากขึ้นเท่านั้น ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้นซากุระหลายพันต้นบริเวณรอบสะพาน ซึ่งรวมถึงต้นซากุระในสวนสาธารณะคิกโคจะออกดอกบานสะพรั่งไปทั่วทุกพื้นที่ งดงามตระการตาแบบสุดๆไปเลย

3. ภูเขาโยชิโนะ(Mt. Yoshino)

“ภูเขาโยชิโนะ” ที่เมืองนาราเป็นจุดชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ครั้งโบราณเลยล่ะ มีซากุระมากถึง 200 สายพันธุ์ กว่า 30,000 ต้น เรียกได้ว่ามากที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้! ในฤดูใบไม้ผลิเลยแน่นไปด้วยต้นซากุระที่บานสะพรั่งสวยงามไปทั่วทั้งภูเขา ซึ่งจะบานไม่พร้อมกันนะฮะ เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนเรื่อยไปจนถึงเกือบปลายเดือน โดยบานไล่กันไปตามส่วนต่างๆ ของภูเขา เรียกว่าชมซากุระได้ทั้งเดือนเลยทีเดียว พื้นที่บนเขาจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วนเริ่มจากด้านล่าง “ชิโมะเซมบง” – “นากะเซมบง” – “คามิเซมบง” และ “โอคุเซมบง” (มีความไล่ระดับไปอีก 5555)

โดยซากุระจะเริ่มบานจากชิโมะเซมบง แล้วค่อยๆไล่ขึ้นไปสู่บนยอดเขาอย่างสวยงาม โดยส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ “ยามาซาคุระ” ที่เห็นได้ตามป่าเขาหรือบนภูเขาในญี่ปุ่น ลักษณะเด่นๆ คือ มี 5 กลีบเหมือนกับสายพันธุ์ “โซเมอิโยชิโนะ” สีมีหลายเฉดตั้งแต่อ่อนๆไปจนถึงเข้มๆ นอกจากนี้ภูเขาโยชิโนะยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมสามารถเที่ยวชมศาลเจ้าและวัดมรดกโลกพร้อมชมธรรมชาติอันงดงามได้ทั้ง 4 ฤดูกาล อย่าลืมเลือกซื้อขนมและของฝากที่ทำมาจากซากุระติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วยนะ

4. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)

“ปราสาทโอซาก้า” สัญลักษณ์ของเมืองโอซาก้า สร้างขึ้นประมาณปี 1583 โดย “โทโยมิ ฮิเดโยชิ” ไดเมียวคนสำคัญผู้รวมญี่ปุ่นเป็นหนึ่งเดียว หลังจากนั้นปราสาทแห่งนี้ก็ถูกครอบครองโดยตระกูล “โทกุงะวะ”  โชกุนแห่งเอโดะ  โดยมีพื้นที่ถึง 60,000 ตารางเมตร ตัวปราสาทมีทั้งหมด 5 ชั้น และมีชั้นใต้ดินอีก 3 ชั้น กาลเวลาที่ล่วงเลยมา ปราสาทได้ถูกโจมตีและทำลายลงเมื่อปี 1620 ต่อมาได้ถูกฟ้าผ่าและไฟไหม้ในปี 1665 ได้มีการบูรณะปราสาทโอซาก้าขึ้นมาอีกครั้งในปี 1995  โดยติดตั้งลิฟท์ไว้เพื่อความสะดวกในการขึ้นลงของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมปราสาท ที่หลังคาสีเขียวกับรูปแกะสลักรูปเสือและปลาโลมาที่ถูกชุบด้วยทองคำ

บริเวณรอบๆ ตัวปราสาทถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงหินสูงและคูน้ำ  ไฮไลท์ของที่นี่คือ “สวนนิชิโนมารุ” สวนที่มีต้นซากุระอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งอยู่ทางป้อมตะวักตก และในช่วงเดือนเมษายนของทุกๆ ปี ที่บริเวณสวนนิชิโนะมารุจะจัดงาน Osaka Castle Hanami – Night Sakura Illuminage ซึ่งเป็นงานชมซากุระในตอนกลางคืนพร้อมกับมีไฟประดับไว้อย่างสวยงามเลย

5. โรงกษาปณ์ญี่ปุ่น (Japan Mint)

“โรงกษาปณ์ญี่ปุ่น” สาขาใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นอยู่ที่เมืองโอซาก้า ผู้คนจึงเรียกกันติดปากว่า “โรงกษาปณ์โอซาก้า” เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเหรียญตราและวัตถุล้ำค่าที่เกี่ยวข้องกับการเงินในอดีตมาตั้งแต่ปีค.ศ.1971เดิมอาคารโรงกษาปณ์เป็นหอพักของกระทรวงการคลัง ในสมัยนั้นใช้แก๊สในการถลุงโลหะ เจ้าหน้าที่ได้ใช้ถังแก๊สที่เหลือจุดโคมรอบๆโรงงานและด้านนอกของอาคาร ผู้คนจึงนิยมมาชื่นชมความงามยามค่ำคืน ในช่วงฤดูใบไม้ผลิประมาณกลางเดือนเมษายนจะมีงาน “ซากุระโนะโทรินุเคะ”  เทศกาลชมอุโมงค์ดอกซากุระทั้งในยามกลางวันและยามค่ำคืน แต่จะเปิดให้ชมเพียง 7 วันในหนึ่งปีเท่านั้น โดยจะจัดขึ้นบริเวณสวนริมแม่น้ำของโรงกษาปณ์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ชมดอกซากุระที่งดงามที่สุดในใจกลางเมืองโอซาก้ามาตั้งแต่สมัยเอโดะ โดยเปิดเป็นเส้นทางวันเวย์ให้เดินเข้าจากทางประตูทิศใต้ของโรงกษาปณ์ และไปออกทางประตูทิศเหนือ

ตลอดเส้นทางริมแม่น้ำโยดะรวมระยะทาง 560 เมตร เรียงรายด้วยต้นซากุระ 350 ต้น รวม 134 สายพันธุ์   เช่น พันธุ์ฟูเกนโซ พันธุ์โชเกทซึ และพันธุ์ชิบายาม่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นซากุระกลีบซ้อน ดอกใหญ่กว่าและบานช้ากว่าดอกซากุระทั่วไป และบางพันธุ์ยังเป็นพันธุ์ที่หาดูที่อื่นไม่ได้ อย่างเช่นพันธุ์“มัตสึเมะ โกโตอิโตะ” ที่เคยถูกคัดเลือกให้เป็น “Blossom of the year”ในปี 2014 เป็นพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นจากซากุระบ้านในฮอกไกโด มี 40-45 กลีบ แรกบานเป็นสีขาวและจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีชมพูเมื่อบานเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีการออกร้านขายของต่างๆสไตล์พื้นเมืองญี่ปุ่น ให้เลือกซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย

6. ถนนสายนักปราชญ์ (Philosopher’s Path)

“ถนนสายนักปราชญ์” ได้รับการยกย่องว่าเป็นจุดชมซากุระที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองเกียวโต ถนนคนเดินเลียบคลองบิวาโกะระยะทางยาว 2 กิโลเมตร เริ่มต้นจากบริเวณหน้าวัดกินคะคุจิไปจนสุดทางที่วัดนันเซ็นจิ ในช่วงศตวรรษที่ 20 มีนักปราชญ์นาม “คิมาโร่ นิชิดะ” เดินสงบจิตใจเพื่อให้เกิดสมาธิที่นี่ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ถนนสายนักปราชญ์” ในช่วงเดือนเมษายน ซากุระกว่า 500 ต้นเบ่งบานเต็มที่

ถนนสายนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่พากันมาชมถนนสายสีชมพู ที่กลายเป็นอุโมงค์ซากุระแสนงดงามถนนสายนี้คือ 1 ใน ถนน 100 สายของญี่ปุ่น ที่สามารถชื่นความงดงามได้ในทุกฤดูกาล ตลอดสองข้างทางเดินยังเต็มไปด้วยร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ร้านน้ำชา และร้านขายของแฮนเมดให้ได้แวะชมแวะดูกันเพลินๆ บางครั้งก็จะมีศิลปินท้องถิ่นมานั่งวาดภาพให้เก็บไว้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งได้มาเยือนถนนสายที่เรียกกันว่า “คันเซทสึซากุระ” สายนี้

7.  ทางลาดเคอาเกะ (Keage Incline)

“เนินเคอาเกะ” ตั้งอยู่บนเนินเขาด้านหลังวัดนันเซ็นจิซึ่งอยู่ปลายสุดของคลองบิวะ ใกล้ๆ ถนนสายนักปราชญ์เป็นส่วนหนึ่งของคลองที่เชื่อมต่อทะเลสาบบิวะของเกียวโตกับภูเขาอีกด้านหนึ่งเป็นเส้นทางรถรางระยะสั้นๆ  เพื่อเป็นเส้นทางขนย้ายเรือตรงช่วงที่มีระดับน้ำแตกต่างกันระหว่างเมืองโอสึ จังหวัดชิกะกับเกียวโต จนถึงปี 1948 บริเวณที่มีรางจะเป็นทางลาดเส้นตรงยาว 580 เมตร ตรงกลางของทางลาดและปลายทางจะมีรถรางที่ใช้บรรทุกเรือจอดอยู่ให้ดูด้วยปัจจุบันเลิกใช้งานไปแล้ว และได้รับการพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นแฝงกลิ่นอายแห่งอดีต และเป็นจุดชมซากุระที่ขึ้นชื่อ

สามารถเดินชมซากุระที่เรียงรายอยู่สองฟากฝั่งของเส้นทางรถไฟสายเก่านี้ได้ตั้งแต่บริเวณซุ้มประตูโทริอิขนาดใหญ่ของศาลเจ้าเฮฮัน ที่ตั้งอยู่ริมคลอง เดินเลียบคลองไปทางทิศตะวันออกประมาณ 450 เมตร จนถึงพิพิธภัณฑ์ประวัติคลองบิวาโกะแวะชมประวัติศาสตร์ความเป็นมาของคลองและทางรถไฟสายนี้ ที่เปิดให้ชมฟรีทางด้านหลังอาคารอิฐสีแดง บอกได้เลยว่า ถนนสายนี้มีบรรยากาศให้ถ่ายรูปได้อย่างแสนเพลิดเพลิน เพราะมีสาวๆ ญี่ปุ่นใส่ชุดยูคาตะเป็นจุดดึงดูดสายตา…ดีงามสุดๆ

8. วัดคิโยมิสึ (Kiyomizudera)

“วัดคิโยมิสึ” ที่แปลเป็นไทยว่า “วัดน้ำใส” วัดเก่าแก่อายุกว่าพันปีบนเนินเขา อันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเกียวโต สร้างขึ้นในสมัยช่วงต้นของยุคเฮอัน โดยตระกูล “โตกุกาวา” เป็นผู้สร้างขึ้นเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามจนได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกให้เป็น 1 ใน 21 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ชื่อวัดน้ำใสมาจากน้ำตกโอโตวะที่เกิดจากสายน้ำใสสะอาด 3 สายที่ไหลลงมาภายในบริเวณวัด ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า หากผู้ใดได้ดื่มน้ำใสที่วัดคิโยมิสึเดระจะสมปรารถนาในสิ่งที่หวังไว้ จุดเด่นของวัดนี้คือ “วิหารใหญ่” อาคารไม้หลังใหญ่ตั้งอยู่บนไหล่เขา มีเฉลียงไม้ยื่นออกไปเหนือหุบเหว โดยใช้เสาต้นซุงหลายร้อยต้นรองรับ ที่น่าทึ่งคือ การก่อสร้างไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว แต่ใช้วิธีการเข้าลิ่มด้วยภูมิปัญญาชาวญี่ปุ่นโบราณ เฉลียงไม้คือจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของเกียวโตได้สุดลูกหูลูกตา

จุดดึงดูดที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ ธรรมชาติอันงดงามในทั้ง 4 ฤดูกาล โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิ ต้นซากุระสายพันธุ์โยชิโนะ และต้นซากุระภูเขาประมาณ 1,000 ต้น จะแต่งเติมความสวยงามอ่อนหวานให้กับพื้นที่บริเวณวัด ในยามค่ำคืนวิบวับด้วยประกายแห่งแสงไฟ งดงามจับใจยิ่งนัก

9. ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)

 “ปราสาทฮิเมจิ” ปราสาทสีขาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น ได้รับการขนานนามว่า “ปราสาทนกกระสาขาว” ตั้งอยู่ในเมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ เป็นปราสาทเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่ไม่ได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และยังเป็นสถานที่แรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของญี่ปุ่นอีกด้วย และยังเป็นปราสาทที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย พื้นที่รอบปราสาทมีต้นซากุระหลากพันธุ์ เช่น พันธุ์โซเมโยชิโนะ และพันธุ์ชิดาเระซากุระ รวมกว่า 1,000 ต้นออกดอกสีชมพูแต่งแต้มปราสาทให้โดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิม จนได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 สถานที่ชมซากุระทั่วญี่ปุ่น

ในช่วงเดือนเมษายนของทุกๆ ปีจะมีเทศกาลชมดอกซากุระ และการแสดงดนตรีโบราณในสวนซากุระ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเทศกาลนี้ นอกจากกิจกรรมต่างๆ ในช่วงกลางวัน ยามค่ำคืนยังประดับไฟสวยงาม สามารถเยี่ยมชมได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำเลยทีเดียว

10. เจดีย์ชูเรโตะ(Chureito Pagoda)

“เจดีย์ชูเรโตะ” เจดีย์แดง 5 ชั้นบนเนินเขา แห่งเมืองฟูจิโยชิดะ จังหวัดยามานาชิ ตั้งอยู่ในตอนกลางระหว่างภูเขาอาราคุระยามะ บริเวณโดยรอบคือสวนอาราคุระยามะเซ็นเก็น อยู่ใกล้กับทะเลสาบ “ยามานากะโกะ” และทะเลสาบ “คาวากุจิโกะ” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในบริเวณทะเลสาบทั้ง 5 รอบๆ ภูเขาไฟฟูจิ เจดีย์แห่งนี้ตั้งอยู่ในศาลเจ้าอาราคุระเซนเกน สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงสันติภาพ เมื่อปี 1963 จากตัวอาคารหลักของศาลเจ้าต้องขึ้นบันไดไปเกือบ 400 ขั้น เพื่อชมทัศนียภาพอันสวยงามของเจดีย์ 5 ชั้นโดยมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง

ความสวยงามของบรรยากาศรอบๆ เจดีย์เปลี่ยนไปตามฤดูทั้ง 4 ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิดอกซากุระบานประมาณกลางเดือนเมษายน และฤดูใบไม้ร่วงประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน จะเป็นจุดชมธรรมชาติที่หนาแน่นไปด้วยแขกผู้มาเยือนจากทั่วโลกเคล็ดลับแชะภาพสวย ควรไปช่วงก่อนเที่ยง ภาพจะได้ไม่ย้อนแสง เพิ่มความมั่นใจด้วยการตรวจสภาพอากาศก่อนไป เพราะทางขึ้นลงค่อนข้างแคบต้องใช้ความระมัดระวังสูง

11. ปราสาททาคาโตะ(Takato Castle)

“ปราสาททาคาโตะ” โบราณสถานที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 700 ปีตั้งอยู่บนหน้าผาที่มีแม่น้ำมิบุ กับแม่น้ำยามามุระ มาบรรจบกัน และมีเทือกเขาจูโอเป็นฉากหลัง ณ เมืองอินะ จังหวัดนากาโนะปัจจุบันตัวปราสาทไม่เหลือซากให้เห็น มีเหลือเพียงหินฐานรากและโครงสร้าง และสวนสาธารณะที่มีภาพของยุคเก่าที่เกี่ยวกับระบบศักดินา อีกทั้งยังมี “ทาคาโตคากุ” อาคารที่ใหญ่ที่สุดในสวนสาธารณะที่สร้างขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1930 และยังมี “ทาอิโกะยากุระ” หอกลองเก่าแก่สวยคลาสสิก ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของสวนสาธารณะ

ในใจกลางของสวนมี “อุนเคียว”สะพานโค้ง หนึ่งในจุดที่ชมดอกซากุระของสวนแห่งนี้ในเดือนเมษายน คือช่วงที่ซากุระพันธุ์ “ทาคาโตะโคหิคัง” ซึ่งมีกลีบดอกสีชมพูออกแดง จำนวน 1,500 ต้น  ที่ปลูกตั้งแต่สมัยเมจิ บานสะพรั่งอดความงดงามไปทั่วบริเวณสวนของปราสาท กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของปราสาทแห่งนี้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของจุดชมซากุระที่สวยติดอัน 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น (อีก 2 ที่คือปราสาทฮิโรซากิและเนินเขาโยชิโน) ยามค่ำมีการประดับไฟตามแนวต้นซากุระด้วย ทั้งยังสามารถชมความงดงามของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นได้อีกด้วย

12. แม่น้ำเมงุโระงาวา (Megurogawa River)

“แม่น้ำเมะงุโระงาวา”แม่น้ำสายสำคัญของกรุงโตเกียว ไหลผ่านเขตเมะงุโระลงสู่อ่าวโตเกียว มีความยาวราว 8 กิโลเมตร  ถนนเลียบแม่น้ำเรียงรายไปด้วยต้นซากุระทั้งสองข้างทาง ความยาวเกือบ 4 กิโลเมตร ต้นซากุระกว่า 800 ต้น ผลิบานอวดโฉมต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนของทุกปี ถนนสายนี้จะกลายเป็นอุโมงค์ซากุระที่งดงามสีชมพูปกคลุมไปทั้งพื้นที่ เป็นถนนสายโรแมนติกที่เหล่าคู่รักควงคู่เกี่ยวก้อยกันเดินชมความงาม เพลิดเพลินกับดอกไม้กลีบสวยบอบบางได้ตั้งแต่กลางวันยันกลางคืน ที่จะมีการประดับไฟ มีการออกร้านรวงริมทางให้ช้อปให้ชิมละลานตา โรแมนติกอย่าบอกใครเชียว

13. สวนโมริ (Mori Garden)

“สวนโมริ” สวนญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้ารปปงหงิฮิลส์ ย่านที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งและแหล่งบันเทิง ตั้งอยู่ในเขตมินาโตะของกรุงโตเกียว มีต้นกำเนิดเก่าแก่นับตั้งแต่สมัยเอโดะ ในปี1650 พื้นที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของคฤหาสน์ของ “โมริ ทสึนาโมโตะ” ผู้ครองแคว้นโชฟุ เรือนหลักของตระกูลโมริได้ถูกสร้างขึ้น พร้อมกับสวน หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเจ้าของบ้านไปหลายต่อหลายคน จนสุดท้ายมีการแต่งตั้งสวนโมริแห่งนี้ขึ้นในปี 2003 ที่นี่มีพื้นที่กว้างขวางถึง 4,300 ตารางเมตร จุดเด่นคือ บ่อน้ำ น้ำตก และน้ำไหล รวมทั้งต้นไม้เรียงรายอยู่ล้อมรอบ อีกทั้งยังปลูกต้นไม้ไว้มากมาย ทั้งต้นซากุระและต้นแปะก๊วยรอบๆ บ่อน้ำ

สามารถชมความงดงามของธรรมชาติได้ทั้ง 4 ฤดู โดยเฉพาะซากุระในฤดูใบไม้ผลิยังโด่งดังดึงดูดผู้คนทั่วโลกให้มาเยือน ภายในสวนโมริมีต้นซากุระสายพันธุ์โซเมโยชิโนะ 8 ต้นที่ปลูกไว้รอบๆ ริมบ่อน้ำรูปน้ำเต้า ชมซากุระสะท้อนบนผิวน้ำ งดงามเกินคำบรรยาย ในละแวกใกล้ๆ สวนโมริ ที่ถนนซากุระซากะ จะมีต้นซากุระพันธุ์โซเมโยชิโนะ จำนวน 74 ต้นเรียงรายตามสองฝั่งถนนร่วม 400 เมตร จุดเด่นซากุระพันธุ์โซเมโยชิโนะคือ มีสีแดงเข้มตอนเป็นดอกตูม เมื่อบานจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อนจนเกือบขาว ในช่วงซากุระบานจะแสงสีไฟจัดเต็ม นับจุดชมซากุระยอดนิยมในโตเกียวด้วย

 14. ป้อมโงเรียวกาคุ (Goryokaku Tower)

“ป้อมโงเรียวกาคุ” จุดชมซากุระที่สวยเป็นอันดับต้นๆ ของฮอกไกโด เป็นป้อมรูปดาวห้าแฉกแห่งเดียวในญี่ปุ่น หนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองฮาโกดาเตะ สร้างขึ้นในปีสุดท้ายของสมัยเอโดะ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการวางปืนใหญ่ ป้องกันเมืองจากการรุกรานจากมหาอำนาจตะวันตก ใจกลางพื้นที่รูปดาวเคยเป็นที่ทำการรัฐบาลของฝ่ายสาธารณรัฐ ของเจ้าหน้าที่ผู้สำเร็จราชการบริหารฮอกไกโด นับเป็นศูนย์กลางการปกครองภาคเหนือในสมัยของรัฐบาลโชกุน

ต่อมาในช่วงปี 1910 ถูกดัดแปลงเป็นสวนสาธารณะ ปลูกต้นซากุระกว่า 100 ต้นตามแนวคูน้ำ เป็นจุดชมดอกซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิตต้นเดือนพฤษภาคม จะเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่มาชมดอกซากุระและธรรมชาติบน “หอคอยโงเรียวกาคุ” จุดชมวิวแบบ 360 องศา เป็นหอคอยเก่าที่สร้างตั้งแต่ปี 1964 ในโอกาสฉลองครบรอบ 100 ปี ปราสาทโงเรียวกาคุ สามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบสวนสาธารณะโกเรียวคาคุทั้งหมดได้ คุณไม่เพียงแต่จะเห็นป้อมรูปดาวอันสวยงามเท่านั้น แต่ยังเห็นภูเขาฮาโกดาเตะ ช่องแคบทสึการุ และเทือกเขาโยโคทสึอีกด้วย ส่วนชั้นล่างสุดที่ฐานหอคอยเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และลานจัดนิทรรศการ

15. ศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Shrine)

“ศาลเจ้าฮอกไกโด” เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตและเป็นจุดชมซากุระที่ขึ้นชื่อเดิมชื่อ “ศาลเจ้าซัปโปโร” นับเป็นศาลเจ้าประจำเกาะฮอกไกโด ตามความเชื่อของศาสนาชินโต ว่ามีเทพผู้พิทักษ์คอยปกปักษ์รักษาให้ชาวเกาะฮอกไกโดมีความสงบสุข ตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะมารุยามะ บนพื้นที่กว่า 180,000 ตารางเมตร  สร้างขึ้นในปี 1871 ยุคเริ่มพัฒนาเกาะ ได้อัญเชิญเทพมาประทับทั้งหมด 4 องค์ จากศาลเจ้ามีพื้นที่เชื่อมต่อกับสวนมารุยามะ จึงเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ได้กว้างไกล โดยเฉพาะในช่วงฤดูไม้ใบผลิดอกซากุระบาน จุดเด่นของที่นี่คือ บริเวณโดยรอบศาลเจ้าประกอบไปด้วยต้นซากุระหลากสายพันธุ์กว่า 1,400 ต้น และต้นดอกบ๊วยสีชมพูสดสวยงามกว่า 250 ต้นเลยทีเดียว   สามารถชมได้ทั้งดอกซากุระและดอกบ๊วยในช่วงเวลาเดียวกันและในช่วงฤดูร้อน ประมาณวันที่ 14-16 มิถุนายนของทุกปี ร่วมงานเทศกาล Sapporo Matsuriซึ่งจะมีขบวนแห่ไปตามถนนหนทาง มีการออกร้านค้าแผงลอย มีร้านค้า ร้านอาหารให้เลือกชิมอย่างสนุกสนาน อารมณ์ประมาณงานวัดบ้านเรา

จุดชมซากุระถ่ายรูปสวยๆ ในญี่ปุ่นนั้นมีเยอะจริงๆฮะ เยอะจนอาจจะทำให้กลายเป็นคนหลายใจจนตัดสินใจไม่ถูก ฉะนั้นแนะนำว่าอย่าคิดนาน เพราะช่วงเวลาซากุระบาน…ไม่นานนัก 😎

:: Contact Us ::
Facebook : https://goo.gl/HWYK38
Instagram : https://goo.gl/pXjtHZ
Twitter : https://goo.gl/6AULbo

Chonpicha Nakro

Share
Published by
Chonpicha Nakro

Recent Posts

เปิดบ้านพักหลังใหม่ 2024 พูลวิลล่าส่วนตัวติดทะเล Simantra Private Villas ชะอำ

เปิดภาพบรรยากาศ พูลวิลล่าหลังใหม่ บรรยากาศส่วนตัว ติดทะเล Simantra Private Villas ศิมันตรา ไพรเวท วิลล่า ชะอำ

5 months ago

รีวิว Holiday Inn & Suites Siracha Laemchabang ที่พักศรีราชา เดินทางง่าย ไลน์อาหารเช้าจัดเต็ม

รีวิว Holiday Inn & Suites Siracha Laemchabang ฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีท ศรีราชา แหลมฉบัง ที่พักใจกลางเมือง เดินทางง่าย ไลน์อาหารเช้าจัดเต็ม

11 months ago

Wellnex Clinic คลินิกกายภาพบำบัด ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ รักษาออฟฟิศซินโดรม บรรเทาอาการปวดเมื่อย แบบครบวงจร

Wellnex Clinic คลินิกกายภาพบำบัด x สปา รักษาออฟฟิศซินโดรม คอ บ่า ไหล่ ไมเกรน รองช้ำ บรรเทาอาการปวดเมื่อย แบบครบวงจร

11 months ago

Simantra Private Villas ศิมันตรา ไพรเวท วิลล่า บ้านพักหลังใหญ่ ชายหาดส่วนตัว ติดทะเล ชะอำ

Simantra Private Villas ศิมันตรา ไพรเวท วิลล่า บ้านพักหลังใหญ่ พูลวิลล่า สระว่ายน้ำ ชายหาดส่วนตัว อุปกรณ์ปิ้งย่างครบ ติดทะเล ชะอำ

1 year ago

Foto Hotel Phuket ที่พักสวย ภูเก็ต ติดทะเล ดีไซน์โฮเต็ล ที่นอกจากโรงแรมสวยแล้ว ยังมีวิวอ่าวสิเหร่สวยๆให้ชมอีก

Foto Hotel Phuket ที่พักสวย ภูเก็ต ติดทะเล ดีไซน์โฮเต็ล ที่นอกจากโรงแรมสวยแล้ว ยังมีวิว อ่าวสิเหร่ สวยๆให้ชมอีก

2 years ago

at Café พรีเมียมบุฟเฟ่ต์ หลายสัญชาติ สายเนื้อไม่ควรพลาด ทานไม่อั้น ทั้ง ยำเนื้อดิบญี่ปุ่น เนื้อริบอาย แกงระแวง โรงแรม Grand Richmond นนทบุรี

at Café พรีเมียมบุฟเฟ่ต์ หลายสัญชาติ สายเนื้อไม่ควรพลาด ทานไม่อั้น ทั้ง ยำเนื้อดิบญี่ปุ่น เนื้อริบอาย แกงระแวง โรงแรม Grand Richmond นนทบุรี

2 years ago